Search

Live! SONDHI TALK : กลิ่น “รัฐประหาร” โชยมาแล้ว - ผู้จัดการออนไลน์

was-trend-was.blogspot.com


“สนธิ”ชี้กรณีทุจริตการบินไทยและอัยการสั่งไม่ฟ้อง “บอส วรยุทธ” เป็นคนละเรื่องเดียวกัน โดยการบินไทยเป็นการทุจริตครั้งประวัติการณ์ของผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ส่วนกรณี “บอส” เป็นการคอร์รัปชั่นในกระบวนการยุติธรรม ย้ำม็อบในไทยมีสหรัฐฯ หนุนหลัง ผ่าน NED ที่เป็นเหมือนซีไอเอภาคพลเมือง หลังจากจีนออกกฎหมายความมั่นคงจนเคลื่อนไหวในฮ่องกงไม่ได้ จึงมุ่งมาที่ไทย เพราะรัฐบาลไทยขณะนี้ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของรัฐบาลอเมริกัน ชี้ม็อบเด็กเริ่มก้าวก้าวร้าวและถ่อยเกินขอบเขต พวกอดีตเอ็นจีโอต้องหยุดโหนกระแสเด็ก ถ้าเด็กทำไม่ถูกต้องตักเตือน อย่าบ้าโหนกระแสจนเดินต่อไปไม่ได้ พร้อมระบุโอกาสปฏิวัติเกิดขึ้นได้ หากการชุมนุม 19 ก.ย.คนมาจำนวนมาก จนผู้มีอำนาจตื่นตระหนก แม้จะมีการออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่มีการปฏิวัติก็ตาม ขณะที่อีกฝ่ายก็ต้องการให้มีการปฏิวัติเช่นกัน

วันที่ 11 ก.ย.63 เวลา 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” และช่องยูทูป Sondhitalk เกี่ยวกับประเด็นประวัติศาสตร์ฉบับย่อของประเทศไทย “เมื่อกลิ่นรัฐประหารโชยมา” รวมถึงหน้าตาที่แท้จริงของประเทศไทย ทั้งเรื่องการบินไทยและคดี บอส อยู่วิทยา ติดตามได้ในรายการ SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep50

คำต่อคำ SONDHI TALK [11 ก.ย. 63] : กลิ่นรัฐประหารโชยมาแล้ว


วันนี้ผมจะมาบอกให้ฟังว่าช่องทางการติดต่อของ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK ได้ทางไหนบ้าง ทางแรกคือทางเฟซบุ๊ก ให้กด Like หรือกด Follow แล้วกดติดตาม แล้วเลือก See First ไปเลยในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อชมแล้วก็ช่วยกันแชร์ออกไปมากๆ เพื่อให้บางคนที่ยังไม่ได้อยู่ดูได้ความรู้กับสิ่งที่ผมพูด แล้วเดี๋ยวนี้เราก็ไลฟ์สดผ่านยูทูปเช่นกัน ให้เข้าไปใน YouTube ค้นหาคำว่า SONDHI TALK กด Subscribe เอาไว้ เปรียบเสมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ รวบรวมทุกอย่างตั้งแต่รายการในอดีต "มองโลก มองเรา กับสนธิ" "บันทึกลับบ้านพระอาทิตย์" จนมาถึงรายการ "SONDHI TALK"


สำหรับแฟนรายการคนไหนอยากดูเนื้อหา ตลอดจนการถอดคำพูดเป็น text ก็ให้เข้าไปที่ www.sondhitalk.com เพราะจะรวมไว้ในเว็บไซต์โดยแยกเป็นแต่ละหมวดหมู่ครบทุกเรื่องทีเดียวครับ


สุดท้าย สำหรับท่านผู้ชมที่ไม่อยากเห็นหน้าผม แต่อยากฟังเสียงผม อยากฟังเรื่องราวที่ผมพูด ก็เข้ามาฟังที่ podcast ถ้าท่านที่ใช้ iPhone - iOS ก็เข้าไปที่แอปฯ podcast เมื่อกดเข้าไปแล้วก็ search คำว่า SONDHI TALK ก็จะมีให้ทุกรายการ ส่วนท่านผู้ชมที่ใช้โทรศัพท์ระบบ android ก็กดเข้าไปเหมือนกัน แต่จะมีคำว่า Podbean แล้วก็กดเข้าไป


สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 11 เดือนกันยายน พ.ศ. 2563 เวลาผ่านไปเร็วมาก เราทำรายการนี้ก็ครบ 1 ปีแล้ว ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้

ท่านผู้ชมครับ วันนี้มีเรื่องราวบางเรื่องที่เกี่ยวโยงกันหลายอย่าง ตามหัวข้อ ตามโปสเตอร์ในการโฆษณานั้น พูดถึงกลิ่นรัฐประหาร แต่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่อยู่ในช่วงท้าย แต่ในช่วงต้นก่อนจะเข้ารายการ ก็ขอเอาเรื่องราวของคุณเติมศักดิ์ จารุปราณ ก่อน


อย่างที่ท่านผู้ชมหลายท่านก็ทราบดีว่าคุณเติมศักดิ์ จารุปราณ นั้นเป็นบุคลากรที่มีคุณค่ามากของ NEWS1 และเป็นคนที่ผมไปเชิญชวนมาสมัยที่ออกจากไอทีวี และไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน อย่างที่ผมเรียนและได้ลงในโพสต์ไปว่า ผมบอกคุณเติมศักดิ์ว่า เติมศักดิ์ มาอยู่กับผมเถอะ สิ่งหนึ่งซึ่งคุณเติมศักดิ์จะได้ในขณะที่คุณเติมศักดิ์ไม่ได้เลยในไอทีวีก็คือ เสรีภาพในการทำข่าว เสรีภาพในการแสดงออก จากวันนั้นจนถึงวันที่คุณเติมศักดิ์เสียชีวิต คุณเติมศักดิ์ก็อยู่กับผมมาร่วม 16-17 ปี ในตอนที่ผมตกต่ำมากๆ และลำบากยากเข็ญ เปลี่ยนจาก ASTV มาเป็น NEWS 1 เงินเดือนออกบ้าง ไม่ออกบ้าง ก็มีคนที่สนใจที่จะไปขอ ดึงตัวคุณเติมศักดิ์ไปอยู่ด้วย คุณเติมศักดิ์ก็ปฏิเสธไป คุณเติมศักดิ์เป็นคนที่มีคุณธรรมและมีจริยธรรมในวิชาชีพอย่างสูงส่ง


การเสียชีวิตของคุณเติมศักดิ์นั้น หลายๆ คนที่เป็นแฟนประจำของคุณเติมศักดิ์ต่างฝ่ายต่างเสียดายมาก เพราะว่าเป็นบุคลากรที่มีค่าในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงสื่อมวลชน


ก็ถือโอกาสนี้ขอบพระคุณหลายท่านที่ไปงานศพคุณเติมศักดิ์ จารุปราณ ซึ่งอยู่ที่ศาลาที่ 15 วัดเทพศิรินทราวาส แล้ววันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เวลาบ่ายสองโมง จะเป็นงานฌาปนกิจศพของคุณเติมศักดิ์นะครับ


ทุกคนที่ให้กำลังใจคุณเติมศักดิ์ รวมทั้งกรณีที่หลายๆ ท่านก็ต้องการร่วมทำบุญกับคุณเติมศักดิ์ ที่อยู่ต่างจังหวัด ไม่สามารถมาได้ ก็พากันโอนเงินเข้ามาในบัญชีที่ผมแนบโพสต์ไว้ในหน้าเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ

ท่านผู้ชมครับ ผมจำเป็นต้องพูดถึงข้อแตกต่างของคุณเติมศักดิ์ กับสื่ออื่นๆ ผมอยากจะให้เปรียบเทียบระหว่างคนที่ทำข่าวและได้รับการชื่นชม ยกยอ และสรรเสริญว่าเป็นคนที่มีคุณภาพ ไม่กลัว กล้าหาญ อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ แข็งแรงแต่ไม่แข็งกร้าว ทำงานที่มีคุณภาพเมื่อเทียบกับคนที่ทำงานในเรื่องของลุงพล ในกรณีน้องชมพู่ คุณภาพต่างกันอย่างฟ้ากับเหว ไม่ใช่ต่างกันแค่ฟ้ากับดิน เรียนให้ทราบนิดหนึ่ง แล้ว ว่าผมภูมิใจที่ผมเคยร่วมงานกับคุณเติมศักดิ์มา และผมภูมิใจ ผมรักคุณเติมศักดิ์เหมือนน้องรักคนหนึ่ง เหมือนลูกรักคนหนึ่ง เพราะอายุก็ใกล้เคียงกับลูกชายผม เหมือนเพื่อนร่วมงานที่รักคนหนึ่ง เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับคนที่อยู่ในแวดวงนี้ และสำหรับคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับคุณเติมศักดิ์ ตลอดจนในฐานะที่ผมเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่คุณเติมศักดิ์เคารพนับถือ ก็ต้องขอขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับท่านผู้ชมที่มีใจและร่วมทำบุญกับคุณเติมศักดิ์


ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่สองที่ผมจะพูดคือเรื่องการทำบุญ เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ผมได้เดินทางไป จ.อุดรธานี แล้วก็นั่งรถยนต์ต่อไปที่ จ.บึงกาฬ ประมาณ ชั่วโมง สิ่งแรกที่ผมจะไปคือ ผมได้ไปวัดป่าดานวิเวก ซึ่งเป็นวัดของหลวงปู่ทุย หลวงปู่ทุยคือใคร ? หลวงปู่ทุย เป็นลูกศิษย์สายตรงของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ทุยเป็นศิษย์รุ่นน้องของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ผมก็ถือว่าเป็นบุญเป็นกุศลมาก และผมก็ได้ทำบุญเผื่อท่านผู้ชมไปแล้ว คือผมได้ทำบุญตักบาตรให้กับหลวงปู่ทุย ซึ่งเป็นพระอรหันต์ที่มีชื่อมากที่อยู่ทางภาคอีสาน และน่าจะเหลืออยู่เพียงนับจำนวนองค์ได้ หลวงปู่ทุย อายุ 90 แล้ว แต่หลวงปู่ทุย ก็ยังเดินได้อย่างแข็งแรง ผมมีโอกาสตักบาตรท่าน และผมก็ภาวนาว่าขออุทิศส่วนกุศลทั้งหมดให้กับคนโน้นคนนี้ รวมทั้งให้ท่านผู้ชมที่ได้ร่วมในการเช่าซื้อพระไปเพื่อเอามาทำบุญครั้งนี้

หลังจากนั้นผมก็ได้เข้าไปเฝ้าหลวงปู่ทุย แล้วก็ถวายปัจจัย ผมเตรียมเงินที่ได้จากการให้เช่าพระ 85,000 บาท ไปถวายหลวงปู่ทุย หลวงปู่ทุยท่านเห็นผมเขียนในใบปวารณาว่าสำหรับเป็นการให้หลวงปู่ทุยเอาปัจจัยนี้ไปใช้ในวัด ค่าใช้จ่ายในวัด หลวงปู่ทุยท่านบอกว่า ในวัดไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร ให้เอาค่าใช้จ่าย 85,000 บาทนี้ ให้ไปสมทบทุนการสร้างเจดีย์ ซึ่งเจดีย์นั้นมีรูปขึ้นให้ดูนะ


ผมไปกราบไหว้ เจดีย์บรรจุพระธาตุของพระพุทธเจ้า ก็คือเจดีย์บรรจุพระธาตุมงคล 8 ทิศ หลวงปู่ทุยบอกว่า เอาไปทำบุญสร้างเจดีย์ดีกว่า จะได้บุญอย่างมากมายมหาศาล ผมก็เลยถือโอกาสแก้ใบปวารณาว่า ขอถวายในการทำบุญสร้างเจดีย์ 85,000 บาท ท่านผู้ชมทุกท่านร่วมอนุโมทนาบุญด้วยก็แล้วกันนะครับ

หลังจากนั้นแล้วผมก็เดินทางไปที่ จ.บึงกาฬ ไป อ.ศรีวิไล วัดเวฬุวัน อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ เดี๋ยวผมจะมีรูปขึ้นมาให้ดู วัดเวฬุวัน เป็นวัดที่องค์สมเด็จญาณสังวร คือสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่แล้ว


องค์สมเด็จญาณสังวร ท่านได้เป็นผู้อุปถัมภ์วัดเวฬุวัน วัดเวฬุวัน เป็นวัดที่เก่าแก่มาก นมนานเลย และเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นวัดที่พระที่เข้าไปดูแลในวัดนี้ก็คือสายธรรมยุต และเป็นพระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

สมเด็จญาณฯ พระองค์ท่านได้สร้างพระพุทธรูปบูชาองค์หนึ่ง หน้าตักประมาณหลายเมตร ท่านตั้งชื่อว่า พระพุทธอุดมมงคลเวฬุวัน ก็เป็นชื่อเดียวกับที่สมเด็จญาณฯ ได้พระราชทานชื่อนี้มาให้กับพระพุทธบูชาที่พระองค์ท่านได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กระผมเป็นคนสร้างขึ้นมาโดยพระองค์ท่านเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ผมเป็นประธานฝ่ายฆราวาส และท่านผู้ชมก็ได้รับไปบูชาองค์ละ 30,000 บาท


ทั้งหมดนี้ก็ปรากฏว่าพระพุทธรูปองค์นี้ องค์ใหญ่ หน้าตักหลายเมตร อยู่ในวิหารที่สร้างเสร็จเพียงครึ่งเดียว ยังขาดอีกเยอะ ผมก็เลยไปปรึกษาหารือกับท่านผู้ใหญ่บ้าน ท่านเจ้าอาวาส รวมทั้งพระอาวุโสทั้งหลายที่อยู่ในที่นั้น ตลอดจนช่างที่รู้เรื่องดี ก็สรุปแล้วยังขาดเงินอีกประมาณ 5 ล้าน ถึง 5 ล้านกว่าบาท ผมก็เลยตัดสินใจขอเอาเงินก้อนนี้ ที่ท่านผู้ชมได้บริจาคโดยการเช่าพระไป จำนวนระหว่าง 5-6 ล้านบาท สมทบทุนไป เพื่อให้สร้างวิหารให้ครบสมบูรณ์


เมื่อวิหารครบเรียบร้อยแล้ว ตรงนั้น ในห้องโถงใหญ่นั้นจะเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมที่ใหญ่มาก ที่สามารถจะเอาเด็กนักเรียนหรือพี่น้องประชาชนที่สนใจจะปฏิบัติธรรมในวันหยุด หรือเป็นที่สอน หรือการปฏิบัติสมาธิวิปัสสนาในนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว วิหารทานนี้จะเป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับพวกเราทั้งหลาย ท่านผู้ชมทั้งหลายที่ได้เสียสละเงินทองมาเพื่อเช่าพระ และเอาเงินที่ผมเรียนให้ทราบแล้วว่าจะเอาเงินทุกบาททุกสตางค์จากการเช่าพระไปทำบุญหมด ไม่ให้เหลือ ในขณะนี้ก็มีองค์นี้ไปแล้วเรียบร้อย 85,000 บาท ให้กับหลวงปู่ทุย เพื่อสร้างเจดีย์ที่จะบรรจุพระธาตุมงคล 8 ทิศ อีกประมาณ 5-6 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รู้ตัวเลขที่แน่นอน กำลังรอตัวเลขสุดท้ายที่ช่างจะส่งมา และอาจจะมีการต่อรองบ้าง แต่เบ็ดเสร็จไม่น่าจะเกิน 6 ล้านบาท สูงสุด ผมจะพยายามต่อรองให้เหลือประมาณ 5 ล้านบาท แล้วเรายังมีเงินก้อนนี้ที่เราจะต้องทำบุญต่ออีก เงินที่เหลือ เอาไปถวายให้กับวัดป่าพระธาตุดอยลับงา จ.กำแพงเพชร ซึ่งสร้างเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุขององค์หลวงตามหาบัว เป็นเงินจำนวนก้อนหนึ่ง ตลอดจนเอาเงินอีกก้อนหนึ่งไปถวายให้กับวัดป่าวังศิลา 1 ล้านบาท ที่ อ.ป่าแดด จ.เชียงราย ซึ่งเจ้าอาวาสท่านก็เป็นพระสายหลวงปู่มั่นเช่นกัน แล้วก็ยังวัดป่าภูแปก ญาณสัมปันโน ซึ่งงวดนี้ผมก็เป็นประธานกฐินเช่นเดิม ก็จะเดินทางไปทอดกฐินกัน วันทอดกฐินวัดป่าภูแปก ญาณสัมปันโน ก็คือวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม ท่านผู้ชมท่านใดต้องการจะไปร่วมบุญร่วมกุศล ก็เดินทางไปเจอกันที่วัดป่าภูแปก ญาณสัมปันโน ที่ จ.เลย เช้าวันที่ 18 นะครับ


ส่วนพระที่เหลืออยู่นั้น ในขณะนี้ ประการแรก พระพุทธอุดมมงคลเวฬุวันนั้น หมดแล้ว ไม่มีเหลือ ก็เหลือเฉพาะพระพุทธพิมพ์สองสมเด็จที่มีผงสมเด็จวัดระฆังอยู่ข้างหลัง มีอยู่ ส่วนสมเด็จพิมพ์นางพญาหมดแล้ว พิมพ์หลวงปู่ทวดหมดแล้ว แล้วก็มีพระพุทธพิมพ์สองสมเด็จ ที่ผมเล่าให้ฟัง มีผงสมเด็จวัดระฆังอยู่ด้านหลัง และรุ่นธรรมดา เหลืออีกไม่มาก เจ้าแม่กวนอิมที่ด้านหลังเป็นรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ที่ไปหาเพิ่มมาจากป้าเพชร เหลืออีกไม่มาก เจ้าแม่กวนอิมพันมือก็เหลืออีกนิดเดียว พระสังกัจจายน์ก็เหลืออีกไม่มาก


ทั้งหมดนี้หมดแล้วก็หมดเลยนะครับ และผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดสิ้นเดือนกันยายนนี้ พระพวกนี้ก็จะหมดแล้ว ท่านผู้ชมท่านใดต้องการจะร่วมทำบุญทำกุศล กุศลใหญ่ครั้งนี้ เพราะว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ ค่าส่งไม่คิด เพราะว่าผมออกให้ทุกอย่าง ค่าใช้จ่ายอะไรต่างๆ พระก็เป็นสมบัติเก่าของผม และมีคนมอบมาให้ ผมก็ให้ท่านผู้ชมเช่าไปเพื่อบูชา ผมมั่นใจ ด้วยคุณพระศักดิ์สิทธิ์ คุณพระบารมีของพระต่างๆ ทุกรูป ตลอดจนจิตบริสุทธิ์ที่ท่านผู้ชมต้องการที่จะร่วมทำบุญนี้ จะทำให้พระมีพุทธคุณและมีพุทธานุภาพอย่างแรง อย่างสูง ท่านผู้ชมก็เร่งหน่อย เพราะเราก็จะได้ปิดบัญชีกันเสียที จะได้สรุปยอดตัวเลขและค่าใช้จ่ายให้กับท่านผู้ชม ท่านผู้ชมไม่ต้องกังวลนะครับ ทุกๆ ครั้งที่ไปทำบุญ ทำบุญที่ไหน จะแจ้งให้ทราบเป็นทางการ เหมือนอย่างวันนี้ที่แจ้งให้ทราบ และในที่สุดก็จะมีตัวเลขบัญชีลงให้เห็นเลยว่าได้เงินจากการเช่าพระมาทั้งหมดเท่าไร ใช้จ่ายไปทำบุญที่นี่เท่านี้ ที่นั่นเท่านี้ ที่นี่เท่านี้ๆๆ เหลืออยู่เท่าไร และเงินก้อนที่เหลืออยู่นี้จะเป็นอย่างไร จะเอาไปใช้อะไร จะแจ้งให้ทราบ เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น


วันนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมต้องขอให้ท่านผู้ชมรับทราบนิดหนึ่ง เนื่องจากว่าอาทิตย์ที่แล้วเราชี้แจงให้ฟังว่าทีมงานจัดทำหนังสือ SONDHI TALK ก็คือถอดคำพูดที่ผมพูดในรายการ แล้วเลือกเรื่องที่ดี แล้วมาจัดรวมกัน จัดพิมพ์ 2 เล่ม เป็นเล่ม 1 กับเล่ม 2 เล่มสีดำเป็นเล่ม 1 เล่มสีขาวเป็นเล่ม 2 SONDHI TALK 2 เล่มนี้เบ็ดเสร็จแล้ว ทางตัวแทนสำนักพิมพ์บอกว่า ราคาขาย 2 เล่มนี้ พร้อมกล่องนะ เป็นหนังสือปกแข็ง มีกล่องใส่ให้เสร็จเรียบร้อย ราคาขายพร้อมกล่องนี้ ราคาขาย 1,200 บาท แต่ว่าถ้าท่านสั่งจองตอนนี้ ซึ่งจำนวนพิมพ์ไม่มาก จำนวนพิมพ์ชุดพิเศษนี้มีไม่เกิน 1,000 ชุด เขาลดราคาให้เหลือชุดละ 960 บาท รวมค่าส่งเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่าง ท่านผู้ชมถ้าสนใจ รีบสั่งมาโดยด่วน แล้วอีกอย่างหนึ่ง สองเล่มนี้จะแบ่งเป็น เรื่องของประเทศไทย และเรื่องของต่างประเทศ แล้วอีกอย่างหนึ่ง หนังสือชุดนี้ ทั้งสองเล่ม ผมจะเซ็นหนังสือให้ ผมจะเซ็นลายเซ็นผมให้ทั้งสองเล่ม สำหรับท่านผู้ชมที่ต้องการ สั่งจองมาได้นะครับ สั่งมาทาง inbox เลยได้ทันที ต้องเร็วนิดนะครับเพราะมีทั้งหมดแค่ 1,000 ชุดเท่านั้น หมดแล้วหมดเลย และหนังสือสองเล่มนี้จะไม่มีวางขายในท้องตลาด ไม่มีครับ จะเป็นอะไรที่เป็น Exclusive สำหรับท่านผู้ชมที่ต้องการจะเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก หรือเอาไปมอบเป็นของขวัญให้ใครก็ได้ หรือว่าให้กับคนที่ท่านผู้ชมรัก ขอบพระคุณมากครับ

ท่านผู้ชมครับ วันนี้วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2563 ผมตั้งใจจะพูด มีอยู่ 3-4 เรื่อง เรื่องแรก ผมจะพูดเรื่องการบินไทย อาจจะดูเก่าไปนิด แต่ใจเย็นๆ ตามผมมา แล้วก็จะต่อด้วยเรื่องคดีบอส ซึ่งยังไม่จบ เพราะว่ามีการถอดเทป เทปลับที่อัดเสียงคนที่ประชุมอยู่ว่ามีใครบ้าง ที่น่าสนใจที่ผมต้องการจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟังว่า น่าสนใจมาก ทั้งการบินไทย และคดีบอส วรยุทธ อยู่วิทยา เป็นคนละเรื่องเดียวกันจริงๆ ก็คือว่า ผลที่ออกมามันสรุปให้เห็นหน้าตาของประเทศไทยที่แท้จริง ด้านหนึ่งคึอรัฐวิสาหกิจซึ่งโกงกินกันอย่างมหาศาล อีกด้านหนึ่งคือด้านของหน่วยงานราชการซึ่งต้องรักษากระบวนการยุติธรรม ที่ก็โกงกินกันเช่นกัน มีคุณสมบัติที่เลวๆ เหมือนกันทั้งสองหน่วยงานที่ผมอยากจะเล่าให้ฟังว่า นี่ล่ะคือประเทศไทย นี่ล่ะคือประเทศไทยที่ใน 6 ปีที่ผ่านมานี้ ผมจำได้ว่ารัฐบาลชุดนี้ ตั้งแต่ชุด คสช. จนถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน พยายามพูดตลอดเวลาว่า ยึดมั่นในกฎหมาย ปราบปรามคอร์รัปชัน ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม แต่สองเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่ามันตรงกันข้ามกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ คสช.พูดเอาไว้ และที่รัฐบาลชุดนี้พูดเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พูดเอาไว้เช่นกัน


เรามาเรื่องการบินไทยกันนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ก็ประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว คุณถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีการแถลงต่อสื่อมวลชน เปิดเผยสาเหตุของการที่การบินไทยขาดทุน โดยที่คุณถาวรเล่าให้ฟังว่า คุณถาวรได้ตั้งคณะกรรมการ คณะทำงาน เป็นทีมย่อย 8 ทีม ตรวจสอบเรื่องการเงินการบัญชี การขายตั๋วโดยสาร ตรวจสอบฝ่ายช่าง คลังสินค้า ครัวการบินไทย การบริหารกิจการบริษัท ทั้งหกหัวข้อนี้ คุณถาวรออกมาสรุปในวันที่ 28 สิงหาคม ว่า หกหัวข้อนี้มีการทุจริตคอร์รัปชันอย่างมากมายมหาศาล 


สรุปตัวเลข คุณถาวรบอกมา ท่านผู้ชมว่า ตัวเลขของการขาดทุนจากการคอร์รัปชันตรงนี้ 135,000 ล้านบาท ท่านผู้ชมฟังแล้วตกใจไหม 135,000 ล้านบาท แล้วที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ พูดก่อนล่วงหน้า ขี้โกงกันอย่างนี้ ทุจริตคอร์รัปชันกันอย่างนี้ ยังไม่มีการลงโทษใครเลยแม้แต่คนเดียว อดีตประธานบอร์ดทั้งหลายที่เสนอหน้ามา ที่ออกมาแถลงข่าวเวลารับตำแหน่งใหม่ๆ ว่าการบินไทยจะเจริญรุ่งเรือง จะทำให้การบินไทยเดินหน้าต่อไป จะทำงานด้วยความมั่นคง โปร่งใส และบอร์ดต่างๆ เงียบสนิท เหมือนลิงป่วยเลยท่านผู้ชม ก็คือไม่มีใครดาหน้าออกมารับผิดชอบเลยสักคน และยังไม่สามารถที่จะหาใครเข้ามารับผิดสักคน ทั้งๆ ที่คุณถาวร เสนเนียม ได้แจ้งการขาดทุนมา ลักษณะการแจ้งการขาดทุนนี่ชัดเจน


ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมจะไม่ลงรายละเอียดมากมายนัก เพราะว่าถ้าท่านผู้ชมติดตามเรื่องราวต่างๆ ที่ผมพูดมาในอดีต ท่านผู้ชมจะจำได้ว่าผมเคยพูดเรื่องการบินไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 สิบปีที่แล้วท่านผู้ชม เฉพาะเดือนกันยายน ผมพูด 2 ครั้ง วันที่ 3 ครั้งหนึ่ง วันที่ 11 กันยายน อีกครั้งหนึ่ง ในเรื่องการบินไทย และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพูดมาร่วมสิบครั้งนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับสิ่งที่คุณถาวร เสนเนียม ได้เอาหลักฐานมาวางกาง สมัยนั้นผมชี้ให้เห็นว่ามันผิดพลาดตรงไหน มันขี้โกงกันอย่างไร มันคอร์รัปชันกันอย่างไร ตอนนั้นทุกคนก็ฟังผม หลายๆ คนก็ตั้งข้อสงสัยว่าคุณสนธิมโนไปหรือเปล่า ผมมักจะเป็นเช่นนี้ ท่านผู้ชม เวลาผมชี้ประเด็นอะไรขึ้นมา จากองค์ความรู้ของผม และจากประสบการณ์ในชีวิตของผม และจากการสังเกตสังกาและพิจารณาเรื่องราวต่างๆ แล้ว อุปมาอุปไมยเหมือนกับว่า เวลาฝนจะตก เมฆดำมันจะมาเลย อากาศจะอ้าวมาก แล้วจู่ๆ พออากาศอ้าวเริ่มหมดไป จะมีลมเย็นๆ พัดมา ท่านผู้ชมรู้ทันทีเลยว่าฝนกำลังจะตกใช่ไหม เหตุผลก็เพราะว่าเมื่ออากาศอ้าว เพราะแรงกดอากาศ แล้วที่มีลมเย็นมาก็แสดงว่าฝนมันตกที่อื่นแล้ว แล้วไอเย็นของฝนก็ค่อยไล่มา แต่ท่านผู้ชมยังไม่เห็นฝนที่ตกใช่ไหม คนก็อาจจะถามท่านผู้ชมว่าคุณรู้ได้อย่างไรว่าฝนตก ฝนยังไม่ตกเลย ต้องเห็นฝนตกก่อน นี่คือหลักการของการทำสื่อมวลชนที่ผมจะแตกต่างกว่าคนอื่น

หลายคนจะตำหนิผมว่าไม่เห็นมีหลักฐานเลย แล้วมาพูด ผมก็เลยยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ สมมุติว่าเมื่อคืนนี้คุณหลับไม่รู้เรื่องเลย แล้วพอคุณตื่นมาปรากฏว่าต้นไม้ใบหญ้า ถนนหนทางที่อยู่หน้าบ้านของคุณเปียกน้ำฝนหมด ถามว่าคุณเห็นฝนตกไหม คุณก็ไม่เห็นใช่ไหม ฉันใดฉันนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ผมพูดมาเมื่อสิบปีที่แล้ว และผมมักจะโดนคนว่าผมมโนมาตลอด แม้กระทั่งบางเรื่องที่เดี๋ยวผมจะพูดต่อ คือเรื่องของบทบาทของต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงการเมืองในเมืองไทย และในฮ่องกง หลายคนก็พูดบอกว่าคุณมโนอีกแล้ว เป็นไปได้อย่างไร ไม่เห็นจะมีเลย โน่นนี่นั่น เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง


ทีนี้ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อสิบปีที่แล้ว คุณถาวร เสนเนียม ออกมายืนยันเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมานี้ เมื่อสองอาทิตย์กว่านี้เอง ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นถูกต้อง และคุณถาวร เสนเนียม ก็ให้ตัวเลขมา ท่านผู้ชมจำได้ไหมที่ผมบอกว่าในการซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340 ในตอนนั้น เหตุผลที่ซื้อ A340 เพราะว่าเครื่องบินรุ่นนี้ขายไม่ออก เพราะฉะนั้นแล้ว เปอร์เซ็นต์ที่จะได้จากบริษัทผลิตเครื่องบิน คือแอร์บัส จะได้มากกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ ถ้าท่านผู้ชมตามผมมาตลอดเวลาจะรู้ว่าสายการบิน เครื่องบิน ที่ผลิตโบอิ้งและแอร์บัส เขาจะมีมาตรฐานในการให้ค่าคอมมิชชันในการขาย คือ 3 เปอร์เซ็นต์ จะโอนใส่แบงก์ บัญชีที่ไหน ต่างประเทศที่ไหน บอกเข้ามา ขอให้มีใบสั่งซื้อมา มีการทำสัญญาอย่างถูกต้องเสร็จเรียบร้อย จ่ายเงินงวดแรกไป เขาจ่ายให้ 3 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่าล็อตนี้ ผมเคยพูดจำได้ไหมท่านผู้ชม ผมบอกล็อตนี้ต้องเกิน 3 เปอร์เซ็นต์ ก็คือ 5 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่ามันเป็นเครื่องบินที่ขายไม่ออก และเขาได้สร้าง route กรุงเทพฯ-นิวยอร์ก ขึ้นมาเพื่อเอามารองรับเครื่องบินที่เขาสั่งซื้อมานี้ เพื่อให้มีความชอบธรรมในการสั่งซื้อ ท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมบอกว่าประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ถ้าท่านผู้ชมจำได้ เรามาดูตัวเลขกัน


คุณถาวรแถลงว่า มีการจ่ายเงินสินบนประมาณ 2,652 ล้านบาท เพื่อสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส 340 จำนวน 10 ลำ แล้วยอดการสั่งซื้อ ราคาสั่งซื้อคือ 53,043.04 ล้านบาท 10 ลำ จ่ายค่าคอมมิชชันมา 2,652 ล้านบาท นี่คือสิ่งที่คุณถาวรไปค้นพบมา และระบุ และแถลงออกมา ท่านผู้ชม เอา 2,652 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ของ 53,043.04 ล้านบาท ท่านผู้ชมครับ 5 เปอร์เซ็นต์ เป๊ะไหม ? 5 เปอร์เซ็นต์จริงๆ เลย เป๊ะจริงๆ เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ผมพูดไป โดยที่ผมคาดคะเนและผมพิจารณาแล้วไม่น่าจะผิด เพราะว่า 3 เปอร์เซ็นต์ มันต่ำไป เพราะเครื่องบินขายไม่ออก ให้เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ก็จะมากไป ฝรั่งก็บอกว่าเอา 5 เปอร์เซ็นต์ ก็แล้วกัน แล้ว 2,652 ล้านบาท ไม่รู้ว่าเข้ากระเป๋าสุนัขตัวไหนบ้าง โดยเฉพาะสุนัขที่ใส่เสื้อนอกหลายๆ ตัว โจรในเครื่องแบบ โจรใส่สูท แล้วส่วนหนึ่งก็เอาไปลงทุนในการเลือกตั้งครั้งนั้น เพราะตอนนั้นจะมีการเลือกตั้งแล้ว ประะธานกรรมการ บอร์ดการบินไทย ติดต่อกับเส้นสายของเจ้าของพรรคการเมือง เจรจาให้ซื้อเครื่องบินนี้ เพื่อเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนการเลือกตั้ง นี่คุณถาวรพูดทั้งนั้นนะ ผมไม่ได้พูดนะ


จำได้ไหมผมเคยบอกว่า เครื่องยนต์ ค่าคอมมิชันเครื่องยนต์จะสูงกว่าเครื่องบิน แต่ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่าคุณถาวรแถลงมาว่า มีการจ่ายสินบนของบริษัท โรลส์-รอยซ์ ผ่านนายหน้าคนกลางให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐและพนักงานการบินไทย วงเงิน จำนวน 254 ล้านบาท ในการจัดซื้ออะไหล่เครื่องยนต์รุ่น Trent-500 จำนวน 7 เครื่องยนต์ วงเงินที่ซื้อคือ 3,523.17 ล้านบาท รวมทั้งทำข้อตกลงในการดูแลซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ มูลค่าประมาณ 1,129.60 ล้านบาท ถ้าท่านผู้ชมเอาตัวเลข 254 ล้านบาท มาเป็นสัดส่วนกับยอดเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ Trent-500 วงเงิน 3,523 ล้านบาท มันเท่ากับ 7.5 เปอร์เซ็นต์ เป๊ะเลย เห็นหรือยังท่านผู้ชม


เพราะฉะนั้นแล้ว วันนี้ คุณถาวร เสนเนียม ได้กลับมายืนยันด้วยตัวเลขที่ผมได้พูดมาตั้งแต่ต้นแแรกแล้วว่า นี่คือค่าคอร์รัปชัน ค่าคอมมิชชันไป

นอกจากนั้น คุณถาวรยังรายงานต่อ บริหารล้มเหลว ส่อทุจริต เอื้อประโยชน์พวกพ้อง คุณถาวรมีรายงานละเอียดเลยนะครับว่า จำนวนพนักงานปี 2560-2562 จำนวนพนักงานลดลง แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทุกด้าน เพราะฉะนั้นแล้ว รายได้ถัวเฉลี่ยค่าตั๋วโดยสารต่อใบ 6,300 บาท คุณถาวรยังคิดต่อไปอีกว่า ค่าล่วงเวลาฝ่ายช่างสูงมาก เพราะว่ามีการทุจริตในการทำ OT เกินกว่าวันที่มีอยู่จริง ท่านผู้ชมเชื่อไหม คุณถาวรไปค้นเจอว่า ค่า OT เป็นเงินบางคนได้ถึง 2,958,000 บาท หรือ 246,000 บาทต่อเดือน เขาบอกว่าตัวเลขของไอ้หมอนี้ เมื่อ work กลับมาแล้ว ปรากฏว่าเป็นค่าทำ OT 419 วันใน 1 ปี ปีหนึ่งมี 365 วัน แล้วทำได้อย่างไร 419 วัน ถ้าไม่โกง แต่ตัวเลขนี้สะท้อนว่า ถ้าเอาตัวเลขที่เขารับกันไป เมื่อคำนวณย้อนกลับไปแล้ว เท่ากับไอ้หมอนี่ทำงาน 419 วัน ทั้งๆ ที่ปีหนึ่งมี 365 วัน บัดซบไหมครับท่านผู้ชม


นอกจากแอร์บัส 340 ตัวปัญหาแล้ว ยังมีการโกงอย่างหน้าด้านๆ คือการสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ รุ่น 787-800 และ 787-900 คือ 787-800 มีการเช่าดำเนินการ ก็คือไม่ซื้อ ไปเช่า แล้วบริษัทที่ให้เช่าก็คือบริษัทของผู้บริหารระดับสูง และอดีตผู้บริหารระดับสูงของการบินไทย ที่ไปเจรจาให้เช่ามา และเขาบอกว่า ตลกมาก 787-800 เครื่องบินเหมือนกันหมดทุกอย่าง เป๊ะ แต่ราคาค่าเช่าไม่เหมือนกัน ตั้งแต่ 4,475 ล้านบาท ถึง 5,064 ล้านบาท มีส่วนต่างของราคาตั้ง 589 ล้านบาท คำถามมีว่า 589 ล้านบาทนั้นเข้ากระเป๋าหมาตัวไหน ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหาร และผู้บริหารบางคนในเมืองไทย ผมไม่รู้ แต่พวกนี้มันเลวกว่าหมา ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง เพราะฉะนั้นแล้วผมแทบไม่ต้องพูดเลย คุณถาวรพูดเสร็จ ทุจริต ตั้งพวกพ้อง ปรนเปรอค่าตอบแทน สวัสดิการไม่อั้น แม้บริษัทขาดทุนบักโกรก ตัวอย่างที่พิสูจน์เห็นได้ชัด


คุณอุษณีย์ แสงสิงแก้ว น้องสาว พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีตเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ปรากฏว่าได้ถูกตั้งขึ้นมาเป็นรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ปรับเงินเดือนจาก 250,000 บาท กลายเป็น 600,000 บาท ทันทีเลย การรักษาการ จริงๆ แล้วถ้าทำงานให้กับบริษัท การรักษาการก็ไม่จำเป็นต้องปรับเงินเดือน จะไปปรับเงินเดือนทำไม ก็ในเมื่อคุณไปตำแหน่งรักษาการอยู่ แต่ก็ช่วยเหลือกัน มิหนำซ้ำแล้ว พอเกษียณ ยังตั้งให้คุณอุษณีย์มีตำแหน่ง ขั้น 13 ซึ่งไม่มีเป็นตำแหน่งติดตัว หมายความว่าถ้าคุณอุษณีย์ ลาออกไป เกษียณไป ไม่ทำงานแล้ว ตำแหน่งนี้ก็หมดไป นี่ก็คือการช่วยเหลือกันอย่างยิ่งใหญ่มาก


ท่านผู้ชมครับ อีกด้านหนึ่ง ท่านผู้ชมฟังผมพูดมาแล้วเรื่องนี้ ท่านผู้ชมคงจำได้ ผมบอกเรื่องตั๋ว ก็คือผู้จัดการพื้นที่ ที่เขาเรียกว่า AA


AA ในประเทศๆ หนึ่ง ในฮ่องกง ในยุโรป ในอังกฤษ คือเจ้าหน้าที่การบินไทยไป พวก AA นี่ขึ้นอยู่กับ DN ซึ่งก็คือรองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ พวกนี้เป็นเด็กของ DN ทั้งสิ้น ปรากฏว่าพวกนี้เวลาออกไปจะต้องมีเป้า ว่าผมออกไปอยู่ลอนดอน ปีนี้ผมจะขายตั๋วให้ได้ 100 ล้านบาท ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่าสมรู้ร่วมคิดกันตั้งเป้าให้ต่ำ คืออย่างไรก็ตาม นั่งเฉยๆ นั่งผายลมเฉยๆ ก็ขายได้ 100 ล้าน ก็ตั้งไว้สัก 90 เพราะฉะนั้นถ้ามันเข้ามา 100 ล้าน เขาก็จะใช้กติกาที่สำนักงานใหญ่จับมือกับ AA ว่า เอาล่ะ ถ้าคุณขายได้ 90 ซึ่งคุณขายได้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะคุณตั้งเป้าต่ำกว่าที่คุณเคยขายได้ มันเกินไป 10 บาท คุณจะได้กี่เปอร์เซ็นต์ เกินไป 20 บาท ได้กี่เปอร์เซ็นต์ ก็เท่ากับว่าทุกๆ ปี เป้าที่ตั้ง อย่างไรมันก็ได้คอมมิชชันพิเศษที่ได้มาจากการขายเกินเป้าที่ตั้ง ซึ่งเป้าที่ตั้งคือเป้าที่ต่ำกว่าความเป็นจริง


ทีนี้ เขาก็ต้องเอาส่วน 10 เปอร์เซ็นต์ของที่เกินมา เอาล่ะ สมมุติว่าคุณตั้งไว้ 900 ล้านบาท คุณได้ 1,000 ล้านบาท เขาบอกว่าทุกๆ 100 ล้านบาท ที่เกิน เขาให้ 10 เปอร์เซ็นต์ 1,000 ล้านบาท ก็เท่ากับว่าคุณมีคอมมิชชัน 100 ล้านบาท

100 ล้านบาท คุณต้องแบ่งออกมา 10 ล้านบาท ให้ใคร ? ส่งมาทางผู้ใหญ่ที่การบินไทย เอามาแบ่งกัน ทำมาหาแดก (ขอประทานโทษท่านผู้ชม ต้องพูดจาหยาบนิด) ไอ้พวกนี้ผมหมดความนับถือ พวกใส่เสื้อนอกเดินไปเดินมา ช่างทำมาหาแดกกับทรัพย์สินของประเทศไทย เพราะฉะนั้นแล้ว จัดสรรแบ่งกันเอง กองทุนดังกล่าวไม่มีระเบียบประกาศหรือกฎหมายบริษัทรองรับ ก็คือว่า เข้ามากองทุน พวกผู้ใหญ่ที่เป็นกรรมการ รองผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ จะตั้งกองทุนนี้ขึ้นมา แต่เป็นกองทุนเถื่อน เอามาลงกองทุนนะ ลอนดอนส่งมา 10 เปอร์เซ็นต์ ของยอดกำไรพิเศษที่คุณตั้งเป้าไว้ต่ำ แล้วคุณได้เกินขึ้นไป แล้วคุณได้สัดส่วนมา ของยุโรปส่งมานะ ของฮ่องกงส่งมานะ ของออสเตรเลียส่งมา ท่านผู้ชม ทั่วโลกส่งเข้ามา ยอดนี้มันเท่าไร เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมไม่ต้องประหลาดใจ ผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยหลายคนผ่องเงินไปซื้อทรัพย์สินที่เมืองนอก มีอพาร์ตเมนต์ มีโน่นมีนี่


ท่านผู้ชมครับ ตั้งไทยสมายล์มา 5 ปี ขาดทุน 8,000 ล้านบาท นี่เป็นสิ่งที่คุณถาวร เสนเนียม พูดนะ มายืนยันสิ่งที่ผมพูด พูดสิบครั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปีนี้ ยืนยันหมดเลยว่าที่ผมพูดนั้นไม่ผิดเลย เป็นความจริงทุกประการ

ผู้บริหารบางคนร่ำรวยผิดปกติ บางคนส่อมีบัญชีเงินฝาก ทรัพย์สินที่มีราคาสูงในต่างประเทศ การจัดซื้อจัดหาวัสดุอุปกรณ์บนเครื่องบินปีละ 4,000-5,000 ล้าน มีสินค้าที่ด้อยคุณภาพ การจัดหาวัตถุดิบครัวการบินไทยมีมูลค่า 3,000-4,000 ล้านบาท ผูกขาดเฉพาะผู้ประกอบการเพียงไม่กี่ราย การจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง ผูกขาด โกงกันอีก จัดหาเครื่องบินแบบเช่าซื้อ เครื่องบินแบบเหมาจ่าย ส่อทุจริต แสวงหาผลประโยชน์ รวมแล้ววงเงินไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้าน


จากข้อมูลที่คุณถาวร ทำมา สรุปแล้ววงเงินที่ทุจริตสูงถึง 135,000 ล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ ประเทศไทยมันจะอยู่ได้อย่างไร ประธานบอร์ดทุกคน บางคนก็เป็นอดีตปลัดกระทรวงการคลัง บางคนก็เป็นอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม บางคนก็เป็นผู้มีชื่อเสียง รวมทั้งบอร์ดหลายคนที่รัฐบาลแต่งตั้งมา เป็นพรรคพวก พวกพ้องกัน การบินไทยพินาศฉิบหาย (ขอประทานโทษนะครับท่านผู้ชม) เพราะพวกมึง แล้วพวกมึงอยู่กันสุขสบายดีหรือตอนนี้ ? นี่ผมพูดด้วยอารมณ์ ผมรับไม่ได้จริงๆ


วันนี้คุณถาวรได้ยืนยัน พิสูจน์สิ่งที่ผมพูดมาว่าพวกมึงหลับตาข้างหนึ่ง พวกมึงที่เป็นผู้บริหารระดับสูงที่โกงกินชาติ โกงกินบ้านเมือง นี่คือทรัพย์สินของประเทศไทย และวันนี้ในที่สุดการบินไทยก็เลยเจ๊ง แล้วก็ต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูต่างๆ นานา ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ผมจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยแม้แต่นิดเดียว แต่เผอิญเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ผมพูดมานานแล้ว เพิ่งจะได้รับการยืนยันในทางตัวเลขและในทางข้อเท็จจริงจากคุณถาวร เสนเนียม ที่ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบเรื่องราวต่างๆ 8 หัวข้อ แล้วทำงานมาพักหนึ่งถึงได้ข้อมูลที่แท้จริงว่า ที่การบินไทยมันเจ๊ง เรือหายกันทุกวันนี้ ก็เพราะไอ้พวกระยำตำบอน (ขอประทานโทษครับท่านผู้ชม) ไอ้พวกชาติชั่วพวกนี้ ที่โกงเงินของประเทศชาติ และทำให้การบินไทยมันเจ๊งแบบนี้ นี่ผมยังไม่พูดถึงแผนฟื้นฟูนะท่านผู้ชม แต่ว่าถ้าท่านผู้ชมอยากจะฟังความเห็นของผม ผมจะบอกว่า ต่อให้ศาลอนุมัติแผนฟื้นฟูอย่างไร ก็ไปไม่รอด เพราะว่าคณะกรรมการแผนฟื้นฟูไม่ได้ทำในสิ่งที่สำคัญที่สุด

ประการแรก ปริมาณคนมากจนเกินไป ยังไม่ยอมลดคนชัดเจน ต้องลด 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ให้ leave without pay ให้พักก่อน ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องรับเงินเดือน โน่นนี่นั่น เพราะวันนี้อุปสงค์ไม่มี demand ไม่มี ผมเห็นแล้วการบินไทยจะเปิดไฟลต์ไปโน่นไปนี่ ก็เปิดแค่ไปอาทิตย์ละไฟลต์ กลับเม�




September 11, 2020 at 09:13AM
https://ift.tt/2Rl2Vog

Live! SONDHI TALK : กลิ่น “รัฐประหาร” โชยมาแล้ว - ผู้จัดการออนไลน์

https://ift.tt/3h4AeY4


Bagikan Berita Ini

0 Response to "Live! SONDHI TALK : กลิ่น “รัฐประหาร” โชยมาแล้ว - ผู้จัดการออนไลน์"

Post a Comment

Powered by Blogger.